Breakout vs Pullback: ถ้าต้องเทรดได้แค่ท่าเดียว คุณจะเลือกอะไร? | The Forex Man
ลองจินตนาการดู…
ถ้าวันหนึ่งคุณต้องเลือกเทรดได้แค่ “หนึ่งเทคนิค” ไปตลอดชีวิต คุณจะเลือกอะไร?
- Breakout — สายกดตามเทรนด์ กำไรเร็ว
- Pullback — สายรอเข้าปลายไส้ จุดเข้าสวย RR ดี
ทั้งสองเทคนิคไม่มีคำว่าผิดหรือถูก คำถามคือ “อะไรเหมาะกับคุณมากที่สุด”
นี่คือประสบการณ์จริงของผมที่อยากแชร์ให้ฟังแบบตรงไปตรงมา
Breakout: เทคนิคสายบวกไว แต่ต้องแม่น
Breakout คือการกดตามเทรนด์ทันทีที่ราคาทะลุแนวสำคัญไป ไม่ต้องรอ ไม่ต้องเดา เพียงดูให้ชัดว่ากราฟกำลัง Break แล้ว “ตามให้ทัน”
ข้อดีของ Breakout
- ทำกำไรได้เร็ว เหมาะกับตลาดที่มีเทรนด์ชัด
- ใช้ได้ดีในช่วงข่าวแรง หรือจังหวะเร่งเทรนด์
- เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ไม่ชอบรอ
ข้อเสียที่มือใหม่มักพลาด
- จุดเข้าไม่สวย → RR ต่ำ
- หากอ่านเทรนด์ไม่เป็น เจอ Fake Break แล้วติดดอยง่าย
- ถ้าเข้าในช่วง Sideway มักโดนหลอก
Breakout เหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ อ่านเทรนด์แม่น และรู้จักแยกแยะระหว่างเบรกจริงกับเบรกหลอก
Pullback: เทคนิคสายใจเย็น จุดเข้าแม่น RR สูง
Pullback คือการ “รอให้ราคาย่อกลับมา” ที่โซนสำคัญ เช่น Demand/Supply, ปลายไส้ของแท่งเทียนใหญ่ หรือ Fibo 61.8% แล้วค่อยเข้าเทรดเมื่อราคาพร้อมเดินทางต่อ
ข้อดีของ Pullback
- จุดเข้ามักอยู่บริเวณปลายไส้ → RR สวยมาก
- SL ต่ำกว่า Danger Zone → ความเสี่ยงน้อย
- เหมาะกับมือใหม่ เพราะไม่ต้องตัดสินใจแบบเร่งรีบ
- ตั้ง Pending Order รอได้ เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอ
- ใช้ได้กับทุกสไตล์ ไม่ว่าจะ Scalping, Swing หรือถือยาว
ข้อเสียที่ต้องยอมรับ
- ถ้าราคาย่อไม่ถึง อาจพลาดจังหวะเข้า
- ต้องมีความอดทนในการรอ ไม่เหมาะกับคนใจร้อน
Pullback เป็นเทคนิคที่ให้ความได้เปรียบตั้งแต่จุดเข้า และสามารถประยุกต์เข้ากับหลายระบบ เช่น Wyckoff, SMC หรือกลยุทธ์ Run Trend
Breakout vs Pullback: ใครเหมาะกับอะไร
| ด้าน | Breakout | Pullback |
| ความเร็ว | กำไรไว เหมาะกับสายสั้น | ต้องรอจังหวะ แต่จุดเข้าแม่น |
| จุดเข้า | กลางกราฟ หลังเบรก | ปลายไส้/โซนกลับตัว |
| RR (Risk:Reward) | ต่ำกว่า | ดีกว่า |
| เหมาะกับ | มือเก่า, อ่านเทรนด์ไว | มือใหม่, คนมีเวลาน้อย |
| จุดพลาดบ่อย | ติดดอยจาก Fake Break | พลาดจังหวะถ้าย่อไม่ถึง |
ไม่มีคำว่า “เทคนิคไหนดีสุด” มีเพียงว่า “เทคนิคไหนที่เข้ากับคุณมากที่สุด”
ประสบการณ์ตรงของผม: ผมเลือก Pullback
ถ้าผมต้องเลือกเทรดได้แค่หนึ่งท่าไปตลอดชีวิต ผมเลือก Pullback โดยไม่ลังเล
เพราะมันให้จุดเข้าที่ได้เปรียบ RR สูง บริหาร SL/TP ได้ดี และเล่นได้หลายแนว ไม่ว่าจะ Scalping หรือ Swing อีกทั้งเหมาะกับช่วงชีวิตที่ผมมีเวลาน้อยขึ้น สามารถตั้ง Pending Order แล้วไปทำงานอย่างอื่นได้
ส่วน Breakout ผมก็ยังเทรดบ้าง แต่เป็นไม้เสริม ไม่ใช่ระบบหลัก
สรุปสั้นแบบเทรดเดอร์
- Breakout → เหมาะกับสายบวกไว มือเก่า อ่านเทรนด์แม่น
- Pullback → เหมาะกับมือใหม่ สายใจเย็น จุดเข้าได้เปรียบ RR สูง
- ผมเลือก Pullback เพราะมันยืดหยุ่น ปลอดภัย และให้ความได้เปรียบตั้งแต่ต้นไม้
แล้วคุณล่ะ…จะเลือกอะไร?
ดูคลิปเต็ม: Breakout vs Pullback แบบละเอียด
ถ้าอยากเห็นตัวอย่างจริงบนกราฟ พร้อมคำอธิบายจังหวะเข้า–ออกแบบ Step by Step ผมแนะนำให้คุณไปดูคลิปเต็มนี้เลยครับ
👉 รับชมที่นี่
ในคลิป ผมจะพาไปดูทั้งจังหวะ Breakout และ Pullback แบบสด ๆ บนกราฟจริง ว่าแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ใช้งานจริงต่างกันตรงไหน และสุดท้าย…จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่า “เทคนิคไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด”
ลองเข้าไปดู แล้วคุณจะเข้าใจมากกว่าการอ่านเพียงอย่างเดียวครับ



