Moving Average คืออะไร เลือกใช้แบบไหนดี สอนขั้นตอนการตั้งค่า มาเริ่มกันเลย Moving Average (MA) Indicators สุดฮิต ภาษาไทย เรียกว่า เส้นค่าเฉลี่ย นั่นเอง น้อยคนนักที่จะไม่เคยหยิบมันมาใช้ เพราะใช้งานได้ง่ายไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม นำมาใช้ได้ทันที สามารถใช้วิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจในการเข้าเทรดได้ แต่ก็มีหลายคนที่พึ่งเริ่มใช้งานอาจจะยังไม่รู้ถึงวิธีการตั้งค่าและการเลือกใช้ ดังนั้น เป้าหมายของบทความนี้ เมื่อเพื่อนๆ อ่านจบ จะต้องรู้ถึงความต่างของ Moving Average ในแต่ละแบบและต้องเรียกใช้งานได้ ไปลุยกัน
Moving Average มีกี่ประเภท
เข้าใจง่ายๆ เลยว่า Moving Average ทุกประเภทใช้หลักการเดียวกัน คือ การหาค่าเฉลี่ยของราคา ซึ่งแต่ละประเภทจะแตกต่างกันที่การให้น้ำหนักของข้อมูลที่นำมาคำนวณ นั่นเอง
Simple
ที่มา : เกิดจากการนำข้อมูลราคาทั้งหมดมาหาค่าเฉลี่ยทั่วไป เช่น เอาราคาปิด 12 วัน หารด้วย 12
หลักการ : ข้อมูลราคาทุกวันมีความสำคัญเท่ากันหมด
เหมาะกับ : ดูแนวรับต้านทั่วไป
Linear Weighted
ที่มา : เป็นการเคลื่อนที่ของ Moving Average แบบถ่วงน้ำหนัก ดังนั้น เส้นค่าเฉลี่ยที่เกิดขึ้นจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ที่ช้ากว่าปกติ
หลักการ : ให้ความสำคัญจากปัจจุบัน – อดีต โดยเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อยตามลำดับ
เหมาะกับ : ดูแนวรับต้าน และแนวโน้มโดยทั่วไป
Exponential
ที่มา : เป็นการเคลื่อนที่ของ Moving Average แบบถ่วงน้ำหนักกับเหตุการณ์ปัจจุบันมากที่สุด
หลักการ : ให้น้ำหนักกับข้อมูลปัจจุบันมากที่สุด
เหมาะกับ : ดูแนวรับต้าน และแนวโน้มได้ไวขึ้น
ขั้นตอนการตั้งค่า Moving Average บน MT4
1.) เปิดโปรแกรมเทรด MT4 ใน Time frame อะไรก็ได้ จากนั้น คลิกที่เมนู Insert
2.) เลือก Indicators
3.) เลือก Moving Average
4.) จากนั้นจะปรากฏหน้าต่างขึ้นมา ในช่อง Period ใส่ 12 (ค่าเฉลี่ย 12 วันทำการ)
5.) MA Method เลือกเป็น Exponential (ทำไมถึงเป็น Exponential คำตอบในหัวข้อถัดไป)
6.) คลิก OK
7.) จะเห็นเส้น Moving Average แบบ Exponential ขึ้นบนหน้าจอ ดังภาพ
ใช้ Moving Average แบบไหนดีที่สุด
สรุป Moving Average คืออะไร เลือกใช้แบบไหนดี สอนขั้นตอนการตั้งค่า หลังจากที่ทุกคนรู้ว่า Moving Average แต่ละประเภทต่างกันยังไง และตั้งค่าเรียกใช้งานกันเป็นแล้ว มาถึงคำถามที่ทุกคนรอคอยแล้วว่า Moving Average แบบไหนดีที่สุด ความจริงคือ ยังไม่มีหลักฐานที่บอกชัดเจนว่าแบบไหนดีที่สุด เพราะถ้านำมาใช้งานจริงผลลัพธ์น่าจะไม่ต่างกัน
ดังนั้น ผมจึงแนะนำให้ใช้ Moving Average แบบ Exponential หรือ EMA ที่เราเรียก นั่นเอง
เพราะว่าโดยหลักการ EMA จะให้ค่าน้ำหนักการคำนวณค่าเฉลี่ยในข้อมูลที่ใหม่กว่า ทำให้ติดตามกราฟราคาของคู่เงินได้ดี และที่สำคัญคนนิยมใช้กันค่อนข้างเยอะ